วันนี้ (20 ธันวาคม 2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (พนส.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2566 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ร่วมพิจารณาร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ให้เกิดการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเร่งผลักดันร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ ระยะที่ 2 (2566 – 2570) เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ผู้ปฏิบัติงาน และสิ่งแวดล้อม ณ ทำเนียบรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายและมาตรการต่อคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้ง การกำกับดูแลนิวเคลียร์และรังสี เพื่อความปลอดภัยและเพื่อประโยชน์ของประชาชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันให้เกิดการบูรณาการทุกภาคส่วนเพี่อการพัฒนาประเทศ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้ง ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงวางระเบียบและควบคุมดำเนินกิจการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในใบอนุญาตที่ออกตามกฎหมายนี้ รวมทั้งกำหนดแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งเป็นแผนสนับสนุนและอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
นางเพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กรรมการและเลขานุการ พนส. เปิดเผยว่า พนส. มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. …. และร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570 โดยแบ่งเป็น 2 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ อาทิ ด้านการเกษตร ด้านโภชนาการ ด้านการแพทย์ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรม และด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม 2) ด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์และรังสีของประเทศให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ พร้อมผลักดันให้เกิดการบูรณาการทุกภาคส่วนเพี่อการพัฒนาประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งเป็นประธานในการประชุม พร้อมผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนกระทรวงต่าง ๆ อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และนิติศาสตร์
นางเพ็ญนภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานเชิงรุกของประเทศไทยในการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี กรณีที่มีการระบายน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ-ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทร โดย ปส. มีความร่วมมือกับ กรมประมง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในการตรวจวัดกัมมันตรังสีซีเซียม-134 และซีเซียม-137 (Cs-134, Cs-137) ในตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี นอกจากนี้ ปส. มีการรับข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลระดับรังสีในสิ่งแวดล้อมของอาเซียน เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในกรณีเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในอากาศและในทะเลอีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจได้ว่าหากมีเหตุการณ์รั่วไหลที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ปส. จะสามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันการณ์และสามารถสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนได้
เผยแพร่โดย : กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม เบอร์โทรศัพท์ภายใน 1110 , 1120